นายอันโตนิโอ กูเตอร์เรส เลขาธิการสหประชาชาติหรือยูเอ็น ได้กล่าวเตือนในวันพุธที่ผ่านมาว่า สถานการณ์หนี้สาธารณะของประเทศต่างๆ ทั่วโลกกำลังเป็นที่กังวลอย่างมาก ซึ่งในปีที่แล้ว รายงานระบุว่าหนี้สาธาณะของโลกมีมูลค่าอยู่ที่ 92 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐฯ (เทียบเป็นเงินไทยราวกว่า 3,178 ล้านล้านบาท)
ในรายงานเดียวกันก็ระบุว่ากลุ่มประเทศกำลังพัฒนามีสถานการณ์ภาวะหนี้ที่อาจหายเสียอยู่ในขั้นวิกฤติ ซึ่งมีจำนวนถึง 59 ประเทศ ของกลุ่มประเทศกำลังพัฒนา กำลังเผชิญกับภาวะหนี้สาธารณะในระดับสูง โดยมีอัตราส่วนของหนี้สาธารณะต่อภาคผลิตภัณฑ์มวลรวมประจำปี (GDP) ที่ร้อยละ 60 ซึ่งตัวเลขที่กล่าวมานั้นเพิ่มขึ้นจากเดิมถึง 22 ประเทศในช่วงของปี 2011 (พ.ศ. 2554) นอกจากนี้ กลุ่มประเทศกำลังพัฒนายังต้องเสียส่วนที่สูงกว่าในการชำระหนี้สาธารณะในเทียบเท่ากับกลุ่มประเทศที่ได้มีการพัฒนาแล้ว
กาลครั้งหนึ่งความเพิ่มขึ้นของปริมาณหนี้สาธารณะทั่วโลกนี้นั้นเป็นที่กังวลอย่างใกล้ชิด เนื่องจากอาจส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจโลกและเปลี่ยนแปลงบรรยากาศทางเศรษฐกิจอย่างมากน้อยขึ้นอย่างต่อเนื่อง การระบาดของโควิด-19 ซึ่งเป็นอีกปัจจัยหนึ่งที่ก่อให้เกิดวิกฤติของหนี้สาธารณะในหลายประเทศ นับเป็นเหตุการณ์ที่ทำให้ประเทศหลายประเทศต้องกู้ยืมเพิ่มเติมเพื่อเสริมสร้างระบบสาธารณูปโซ่และระบบสาธารณะที่ดีขึ้น เพื่อเร่งความมั่งคั่งและพัฒนาเศรษฐกิจให้มีความคล่องตัวและคงทนกับสถานการณ์ที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วทุกขณะ การให้ความสำคัญและความสำเร็จในการจัดการกับภาวะหนี้สาธารณะในปัจจุบันจึงเป็นสิ่งสำคัญอย่างยิ่งในสังคมระหว่างประเทศ