การลอยโคมเป็นประเพณีที่สืบทอดกันมาช้านานในหลายประเทศทั่วโลก ในประเทศไทย ประเพณีการลอยโคมนิยมทำในช่วงเทศกาลลอยกระทง ซึ่งตรงกับวันเพ็ญเดือนสิบสอง ผู้คนจะลอยโคมเพื่อขอขมาพระแม่คงคาและขอพรให้มีความสุขความเจริญ อย่างไรก็ตาม การลอยโคมก็มีอันตรายที่อาจเกิดขึ้นได้เช่นกัน ดังนี้
อันตรายต่อชีวิตและทรัพย์สิน
โคมลอยไม่สามารถควบคุมทิศทางการลอยได้ หากลอยขึ้นไปตกใส่บ้านเรือนหรือทรัพย์สิน อาจทำให้เกิดความเสียหายหรืออาจก่อให้เกิดเพลิงไหม้ได้ ตัวอย่างเช่น ในเดือนพฤศจิกายน 2564 โคมลอยลอยไปตกใส่บ้านเรือนในจังหวัดเชียงใหม่ ทำให้เกิดเพลิงไหม้บ้านเรือนเสียหายหลายหลัง นอกจากนี้ โคมลอยอาจลอยไปตกใส่ผู้คน ก่อให้เกิดอันตรายต่อชีวิตและร่างกายได้ ตัวอย่างเช่น ในเดือนพฤศจิกายน 2563 โคมลอยลอยไปตกใส่เด็กในจังหวัดเชียงราย ทำให้เด็กได้รับบาดเจ็บสาหัส
อันตรายต่อการบิน
โคมลอยสามารถลอยขึ้นไปถึงระดับความสูงของเครื่องบิน หากเครื่องบินดูดโคมลอยเข้าไป อาจทำให้เครื่องยนต์ขัดข้องหรืออาจก่อให้เกิดอุบัติเหตุร้ายแรงได้ ตัวอย่างเช่น ในเดือนพฤศจิกายน 2562 โคมลอยลอยไปติดเครื่องยนต์เครื่องบินของสายการบินไทย เที่ยวบิน TG321 ที่กำลังเดินทางจากเชียงใหม่ไปกรุงเทพฯ ทำให้เครื่องบินต้องบินกลับลงจอดฉุกเฉินที่สนามบินเชียงใหม่ เหตุการณ์นี้ทำให้เครื่องบินเสียหายเล็กน้อย และผู้โดยสารได้รับบาดเจ็บเล็กน้อย
อันตรายต่อสิ่งแวดล้อม
โคมลอยทำจากวัสดุต่างๆ เช่น ไม้ไผ่ กระดาษ พลาสติก และเทียน วัสดุเหล่านี้อาจตกค้างอยู่ในสิ่งแวดล้อมและก่อให้เกิดมลพิษได้ ตัวอย่างเช่น โคมลอยตกค้างอยู่ในแม่น้ำลำคลองอาจก่อให้เกิดปัญหาน้ำเน่าเสีย นอกจากนี้ โคมลอยอาจทำให้เกิดไฟฟ้าลัดวงจรหรืออาจก่อให้เกิดไฟป่าได้ ตัวอย่างเช่น ในเดือนพฤศจิกายน 2561 โคมลอยลอยไปตกใส่สายไฟแรงสูงในจังหวัดเชียงใหม่ ทำให้ไฟฟ้าดับในพื้นที่ใกล้เคียง
วิธีป้องกันอันตรายจากการลอยโคม
เพื่อความปลอดภัย ควรหลีกเลี่ยงการลอยโคม และหากต้องการลอยโคม ควรปฏิบัติตามคำแนะนำอย่างเคร่งครัด ดังนี้
- ลอยโคมในที่โล่งแจ้งที่ห่างจากบ้านเรือนและทรัพย์สิน
- ลอยโคมในเวลากลางคืน
- ลอยโคมด้วยโคมที่มีคุณภาพดี
- ตรวจสอบสภาพโคมก่อนลอย
- ดับไฟในโคมก่อนปล่อย
- ห้ามลอยโคมใกล้สนามบิน
นอกจากนี้ ควรช่วยกันรณรงค์ให้ความรู้เกี่ยวกับอันตรายที่อาจเกิดขึ้นจากการลอยโคม เพื่อลดความเสี่ยงที่จะเกิดอุบัติเหตุและความเสียหาย